อย่ามองข้าม Backlink ทำ SEO ต้องรู้

updated: Read time: 4 minutes
Cherdkiat T.
การหา Backlink

หากเว็บไซต์ธุรกิจเว็บใดมีเว็บไซต์อื่น ๆ ให้การรับรอง ก็ยิ่งแสดงถึงความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในการประมวลผลของระบบ search engine ดังนั้น ทุกเว็บไซต์จึงต้องการ Backlink โยงมาหาเว็บไซต์ ยิ่งได้รับ link จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงก็ยิ่งมีน้ำหนัก ผู้เชี่ยวชาญ SEO หลายสำนัก ต่างมุ่งความสนใจและแนะนำความรู้มากมายเกี่ยวกับการสร้าง Backlink เพราะเป็นที่แน่ชัดว่า Google ใช้ Backlink เป็นปัจจัยหนึ่งในการประเมินผลจัดอันดับเว็บไซต์ในแต่ละคีย์เวิร์ด

แต่ใช่ว่าจะได้ Backlink จากเว็บไซต์ใดได้ง่าย ๆ ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์เนื้อหาที่ดี มีคุณค่า และใช้ระยะเวลานาน ต้องสะสมพลังการเติบโตของเนื้อหาในเว็บไซต์และการเพิ่มขึ้นของ Backlink อย่างสม่ำเสมอ ลืมเรื่องความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้นไปได้ หากจะเดินบนเส้นทางการสร้าง link (Link Building)

หลักการสำคัญคือ ถ้าเนื้อหาและรูปภาพดี มีประโยชน์ น่าสนใจ ให้ข้อมูลละเอียด เชิงลึก คิดค้นคว้าเรียบเรียงเอง ไม่ได้ลอกมาจากใคร ดูน่าเชื่อถือ เนื้อหาลักษณะที่ว่ามานี้ก็มีโอกาสได้รับการ link อ้างอิงกลับมาได้เรื่อย ๆ ในระยะยาวแบบธรรมชาติ ทำหน้าโฮมเพจให้น่าสนใจและดึงดูดให้ผู้ชมคลิกต่อไปยังส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ ด้วยระบบการนำทางที่เข้าใจง่ายตามสัญชาตญาณ คิดในมุมมองของผู้ชมว่าอะไรคือเหตุผลที่เขาจะใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์ของคุณ

ผมได้ค้นคว้าจากเว็บไซต์ชื่อดังถึงคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และรวมข้อมูลดี ๆ รวมกับประสบการณ์ตนเองมาฝากคุณผู้อ่าน และเป็นการเรียนรู้ศึกษาไปพร้อมกันด้วยในตัว เพราะข้อมูลเรื่องนี้มีเว็บไซต์ให้ความเห็นแตกต่างกันไปในรายละเอียดแต่หลักใหญ่ใจความจะคล้ายกัน แต่วิธีไหนจะทำได้ไม่ได้ก็ต้องลงมือทำดูเท่านั้นถึงจะรู้ด้วยตนเอง ในบทความนี้คุณจะได้รู้แนวทางและวิธีการว่าจะหา Backlink ให้กับเว็บไซต์ได้อย่างไร ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อ SEO ช่วยผลักดันอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นในผลการค้นหาของ search engine โดยเฉพาะ Google ขอแนะนำว่าหลังอ่านจบแล้วให้เริ่มลงมือทำทันที เพราะใครเร็วกว่าก็ได้เปรียบกว่าในสนามแข่งขันบนโลกออนไลน์!

การได้มาของ backlink นั้นมี 2 แบบหลัก คือ เชิงรับ กับ เชิงรุก

  • ทำ link ภายในเว็บไซต์ตัวเอง เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยอ้างอิง link หากันระหว่างเว็บเพจหรือโพสต์อย่างเป็นธรรมชาติ มีประโยชน์จะทำให้ bot ของ search engine เข้าใจได้ว่าแต่ละหน้าในเว็บไซต์ของคุณนั้นเกี่ยวข้องกับหัวข้อใด
  • สร้างเนื้อหาให้มีคุณภาพสูงกว่าคู่แข่ง ปริมาณและความยาวของเนื้อหาก็ไม่ใช่ตัวชี้วัด แต่คุณสามารถทำเนื้อหาที่ดีกว่าได้ ด้วยการเขียนและนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่ายกว่า ตรงประเด็นกว่า จัดรูปแบบสวยกว่า ดึงดูดใจกว่า ให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ บทความที่ยาวกว่าก็จะมีเนื้อหาเชิงลึกมากกว่า และมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องตามธรรมชาติ แต่ต้องระวังไม่ทำแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง
  • สร้างโปรไฟล์ในช่องประวัติ (BIO) หรือ เกี่ยวกับ (About) ในแอคเคาน์โซเชียลของคุณเอง เพิ่มโอกาสให้คนรู้จักและเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ หากเนื้อหาเป็นที่น่าสนใจ ก็มีโอกาสได้รับการแชร์หรือ link มาหา
  • สร้างปุ่มกดแชร์ไปยังสื่อโซเชียล โดยวางตำแหน่งไว้ใต้เนื้อหาของโพสต์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้ทันทีว่าจะกดแชร์ไปยังช่องทางสังคมออนไลน์ของเขาเองหรือไม่

  • เพิ่มเว็บลงในสารบัญเว็บไซต์ หรือ Website Directory เป็นวิธีตามแบบฉบับคลาสสิก อาจไม่ได้ผลมากนักในปัจจุบัน แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ ลองหาด้วย Google ดู โดยเฉพาะไดเรกทอรี่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจของคุณ เช่น หากคุณเป็นเว็บขายรถมือสอง ก็หาเว็บที่รวมข้อมูลเว็บรถมือสอง หากเขารับลงข้อมูลก็ควรไปลงไว้ เป็นผลดีกลับมาไม่มากก็น้อย
  • ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ ไปยังเว็บรับฝากข่าว PR บางเว็บไซต์ก็สามารถลง link ได้ แต่ถึงลง link ไม่ได้ ก็ทำให้คนได้รู้จักธุรกิจและชื่อเว็บไซต์ของคุณ หมั่นส่งข่าวไปเผยแพร่เกี่ยวกับสินค้าและบริการใหม่ ข้อมูลอัปเดต เป็นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ โดยเว็บที่รับฝากข่าวประชาสัมพันธ์ PR ข่าวสาร เช่น net เป็นต้น
  • ช่วยคนแก้ปัญหาตามเว็บบอร์ด หลายเว็บบอร์ดสามารถใส่ข้อมูล link ได้ แม้ว่า Google อาจไม่ให้น้ำหนักมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย การไปช่วยคนตอบปัญหา เป็นการสร้างชื่อเสียงและทำให้คนคุ้นเคยแบรนด์ของคุณด้วย อย่างเช่น com ก็มีช่องให้กรอกข้อมูลเว็บไซต์ในข้อมูลส่วนตัว หากมีคนที่เขาสนใจบริการก็ตามมาเจอคุณได้ง่าย หรือจะโพสต์ link ในเว็บ pantip หรือเว็บบอร์ดต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ (หากเขาอนุญาต) แต่ทั้งนี้ต้องตอบด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่การสแปมเพื่อหวังสร้าง link เท่านั้น เว็บบอร์ดยอดนิยมในไทย เช่น pantip.com, sanook.com เป็นต้น
  • ทวีตหรือโพสต์สิ่งที่คนสนใจ ทวิตเตอร์และสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ เป็นช่องทางที่เข้าถึงคนจำนวนมากได้แบบเรียลไทม์ เช่น หน้าแฟนเพจ ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ยูทูบ ไลน์ อีเมลข่าวสาร เมื่อมีการเผยแพร่ออกไปแล้ว หากมีผู้สนใจเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น ก็จะเกิดการบอกต่อ หากเนื้อหาของคุณมีความน่าสนใจ คนจะรีทวีตให้เป็นหลักร้อย พัน หรือหมื่นได้ เป็นการสร้างตัวตนให้แบรนด์และสามารถประชาสัมพันธ์ข่าว เนื้อหาใหม่ ๆ ให้ผู้ติดตาม
  • ติดต่อไปยังเว็บไซต์เป้าหมาย “ทำ link มาหาเว็บผม/ดิฉันหน่อยได้ไหม”
    1. ค้นว่าเว็บไซต์ไหนพูดถึงชื่อเว็บหรือแบรนด์ของคุณ แต่ยังไม่ได้สร้าง link มาหาเว็บไซต์ของคุณ
    2. ค้นว่าเว็บไซต์ไหนใช้รูปภาพของคุณ แต่ยังไม่ทำ link ให้เครดิต
    3. ค้นว่าเว็บไซต์ไหน link หาเว็บไซต์คู่แข่งคุณบ้าง

เงื่อนไขเหล่านี้คือโอกาสดีมาก อีเมลหรือแชทไปพูดคุยอย่างสุภาพ อ้างถึงเหตุผลที่เขาควรทำ link หาคุณ แต่อย่าคาดหวังสูงเกินไป ติดต่อไป 100 แห่ง อาจจะได้ link กลับมา 1-5 เว็บก็เป็นได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย จริงไหมครับ

  • หาเว็บไซต์มาเป็นพันธมิตร เว็บไซต์ในวงการเดียวกันไม่จำเป็นต้องเป็นคู่แข่งกันเสมอไป เช่น คุณทำเว็บขายรถมือสอง คุณก็อาจมีเพื่อนที่ทำเว็บขายอะไหล่รถยนต์หรือเว็บที่เป็นอู่ซ่อมรถ ทั้งหมดนี้สามารถเป็นพันธมิตรกันได้ ซึ่งการทำ link เชื่อมโยงระหว่างกัน การพูดอ้างอิงถึงกัน เว็บที่เป็นอู่รถก็สามารถแนะนำรายการอะไหล่ให้กับเว็บไซต์ของเพื่อนได้ ช่วยส่งเสริมกันและกัน
  • เขียนข้อมูลรับรองให้กับเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือ Testimonial หากเราเคยใช้บริการดี ๆ จากเว็บไซต์ไหน ก็สามารถส่งข้อมูลรับรอง หรือรีวิวสั้น ๆ ไปให้เขาได้ ซึ่งบางเว็บไซต์ยินดีอ้างอิง link มายังเว็บไซต์คุณด้วย เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กันและกัน
  • Link ไปหาเว็บไซต์อื่นก่อน แล้วแจ้งให้เขารู้ การ link หาคนอื่น ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่หากไม่ link หาเว็บอื่นบ้างเลยกลับจะถูก search engine มองว่าผิดธรรมชาติได้ หากเว็บไซต์นั้นมีคุณค่าและประโยชน์ต่อผู้อ่านของคุณ ก็สามารถ link ไปได้เลย การแจ้งให้เว็บเขารู้ว่าคุณ link ไปหา อย่างน้อยเขาก็จะแวะมาดูเว็บไซต์ของคุณ เขาอาจจะยินดี link หาคุณได้บ้างในอนาคต หรืออาจจะเป็นการทำความรู้จัก สานสัมพันธ์เป็นพันธมิตรธุรกิจก็ได้
  • ค้นหาว่าเว็บไซต์เป้าหมายมี link เสียหรือไม่ และทดแทนมันด้วยเว็บเพจของคุณ เป็นหลักการหา link ที่เป็นไปได้ แต่ต้องใช้เวลาค้นหาข้อมูลหลายด้านประกอบกัน สมมติว่าคุณอยากได้ link จากเว็บไซต์ใดสักเว็บ ก็ลองหาดูว่าเว็บไซต์เขามี broken link หรือไม่ โดยใช้ Broken link Checker เช่น เว็บไซต์ A มีการ link ไปยังเว็บ B แต่คุณตรวจพบว่าเว็บไซต์ B ปิดไปแล้ว หรือเนื้อหาหน้านั้นถูกลบไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือคุณสร้างเนื้อหาใหม่ในหัวข้อเดียวกัน แล้วติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ A ให้รู้ถึงผลเสียต่อประสบการณ์ผู้อ่าน เพราะ link นั้นโยงไปยังหน้าที่ไม่มีอยู่แล้ว และจูงใจให้เขาทำ link มาหาเว็บไซต์ของคุณแทน แต่อย่าคาดหวังมากว่าจะได้ผลทันที สมมติว่าคุณติดต่อไป 10 แห่ง ได้ link กลับมา 1 แห่ง ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
  1. ถ้าจะตรวจดูว่าเว็บไซต์คุณได้ backlink จากเว็บใดบ้าง ให้ดูใน Google Search Console
  2. จากเทคนิคในเว็บไซต์ com How to Find Backlinks with the * Operator in Google พิมพ์ใน Google ว่า site:* competitorwebsite.com -site:competitorwebsite.com
  3. ใช้เครื่องมือของ Neilpatel Backlink Checker
  4. ใช้เครื่องมือของ MozBar
  5. ใช้เครื่องมือของ ahref Backlink Checker
  6. ใช้บริการ WINWEBSEO ตรวจสอบ Backlink ทั้งเว็บไซต์ของคุณและคู่แข่ง ให้คำปรึกษา ติดตั้งระบบ Google Search Console เพื่อให้รู้และเข้าใจ link ที่โยงเข้ามาหาเว็บไซต์และเว็บเพจต่าง ๆ ของคุณ

หมายเหตุ บริการข้อ 3/4/5 อาจจำเป็นต้องลงทะเบียนกับเว็บไซต์นั้น ๆ ก่อน ซึ่งจะทำให้รู้ค่าเมตริกเชิงลึกของแต่ละ backlink มากกว่าวิธีข้อที่ 1

เมื่อเราได้ link มาจากเว็บไหนแล้ว หรือค้นหาว่าอยากให้เว็บไหน link มาหาเว็บคุณ เราจะประเมินเว็บไซต์นั้นจากอะไร นอกจากจำนวน link ที่เราต้องการแล้ว ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า นั่นก็คือค่าเมตริกอื่น ๆ ที่จะชี้วัดว่าเว็บไซต์ที่ link มาหาคุณนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน โดยเราจะดูจากค่าเมตริกที่เห็นได้ชัดคือ

  • ค่า DA หรือ DRหากคุณยังไม่คุ้นเคยค่าเมตริกตัวนี้ อ่าน ค่า DA คืออะไร ซึ่งนิยามก็คือค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือค่าพลังโดเมน จะมีการวัดออกมาเป็นตัวเลข จาก 1-100

  • nofollow หรือ dofollowอีกเมตริกหนึ่งที่น่าสนใจ ถ้าเป็น nofollow ก็คือเราจะไม่ได้รับค่าคะแนนการ link จากเว็บนั้น ยกตัวอย่างเช่น หลายเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ดในไทยหลายแห่งให้คุณใส่ link ในกระทู้ได้ แต่อาจจะตั้งค่า external link เป็น nofollow ไว้

  • ความใกล้เคียงกันเว็บที่ link มาหาเว็บคุณนั้นอยู่ในหมวดหมู่ใกล้เคียงกันหรือไม่ ยิ่งใกล้เคียงกันก็ยิ่งดี เช่น เว็บขายธีม WordPress ทำ link หาเว็บ รับทำเว็บไซต์ WordPress ก็จะมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งดีกว่า link จากเว็บไซต์ที่อยู่ต่างหมวดหมู่กัน

  • Link นั้นมาจากส่วนไหนของหน้าเว็บเพจเช่น จาก footer หรือจาก sidebar ถ้าดีที่สุดควรเป็นส่วนที่เป็นเนื้อหาหลักหรือตัวบทความในเว็บไซต์นั้น จะแสดงว่าเป็น link ที่มีความสำคัญมากกว่า link ทั่วไปในส่วนอื่น ๆ

  • คำเชื่อมโยง (Anchor text) ในการ linkคำเชื่อมโยงมีหลายลักษณะ เช่น คำที่เป็นคีย์เวิร์ดเฉพาะ เช่น “รองเท้ากีฬา” หรือ เป็นวลีที่สื่อความหมาย เช่น “เลือกรองเท้ากีฬาอย่างไร” หรือ เป็นรูปประโยคยาวขึ้น เช่น “5 วิธี เลือกรองเท้ากีฬาที่ดีต่อสุขภาพ” ซึ่ง Anchor text นี้ควรเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เน้นคำใดคำหนึ่งทุกครั้งไป หรือมีมากเกินไปจนระบบตีความว่าคุณกำลังสแปมหรือเน้นการสร้างอันดับ อนาคตเราอาจจะมาคุยกันเจาะลึกเรื่อง Anchor text กันอีกที ซึ่งคุณสามารถพบค่านี้ได้ด้วยในรายงานของ Google Search Console

ไม่ใช่ทุกเนื้อหาที่จะได้รับความสนใจและมีใครทำ link มาหา ผมอยากให้คุณดูเนื้อหา 2 ประเภทต่อไปนี้ เช่น

  • การทำ SEO เบื้องต้น
  • 5 เรื่องที่มือใหม่ SEO ต้องรู้

หากคุณมีเว็บไซต์ที่อยากเชื่อมโยงแนะนำผู้อ่าน คุณคิดว่าเนื้อหาไหนน่าสนใจกว่า ส่วนตัวผมคิดว่า หัวข้อที่สอง 5 เรื่องที่มือใหม่ SEO ต้องรู้ น่าสนใจกว่าเพราะมีความตรงประเด็นและเน้นไปที่ผู้อ่านที่เป็นมือใหม่ด้านการทำ SEO การเปลี่ยนแนวคิดนำเสนอเนื้อหาเพียงเล็กน้อย ก็ส่งผลให้เกิดความสนใจที่แตกต่างกันได้

นอกจากแนวคิดการนำเสนอเนื้อหาแล้ว การเขียนหัวข้อให้น่าสนใจ ก็สร้างความดึงดูดสายตาและความสนใจได้ตั้งแต่แรกเห็น การเขียนหัวข้อให้กับโพสต์ใหม่ บทความใหม่ เป็นศิลปะการเขียนเพื่อโน้มน้าวความสนใจ คุณอาจจะเริ่มจากแบบแรกดูก่อน แต่อย่าเพิ่งหยุดแค่นั้น ลองเขียนสัก 10 แบบ แล้วหาแบบที่น่าสนใจที่สุด ในวงการมืออาชีพ อาจมีการเขียนถึง 50 แบบ กว่าจะได้หัวข้อที่ลงตัวและน่าดึงดูดใจ อย่างหัวข้อของบทความนี้ผมเองก็เปลี่ยนหลายแบบอยู่เหมือนกัน

แต่เนื้อหาที่คุณสร้างสรรค์ขึ้นมา เว็บไซต์อื่น ๆ ก็อาจจะมีคล้าย ๆ กันทำให้มีคู่แข่งมาก เรามาดูทางเลือกอื่น ๆ ว่าเนื้อหาแบบไหนอีกที่คนอยากจะ link มาหาเว็บไซต์คุณ เพื่อเป็นไอเดียนำไปประยุกต์ได้

  • รูปภาพที่ให้ข้อมูลเชิงสรุป หรือ อินโฟกราฟิก (Infographics)หรือ GIFographic ที่มีความน่าสนใจมากขึ้นกว่าอินโฟกราฟิกธรรมดา เพราะคนเราจะสนใจรูปก่อนเนื้อหา หากมีทั้งรูปและข้อมูลที่น่าสนใจ ก็ดึงดูดให้เขาโยง link มาถึงเว็บไซต์คุณได้มากกว่า

  • เนื้อหาประเภทจัดอันดับ หรือ รางวัลประจำปีก็มีคนนิยมอ่าน เช่น 10 เรื่องแปลกที่สุดของปี 2022 หรือ 10 ร้านอาหารดังในเมืองเชียงใหม่ หรือ 7 คาเฟ่สวย ๆ ไม่เช็กอินไม่ได้แล้ว หรือ 10 หนุ่มสาวหล่อสวยประจำปี 2021 หรือ 10 โรงแรม Top Awards โดยสมาคม... เป็นต้น

  • เนื้อหาประเภทฮาวทู วิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นลำดับ ไม่ใช่มีแต่วิกิฮาวที่ทำได้ คุณเองก็สามารถทำได้เช่นกันจากประสบการณ์และการค้นคว้าของคุณเอง เช่น วิธีจัดของภายในห้องให้เป็นระเบียบใน 1 วัน หรือ วิธีอาบน้ำให้เหมียวจอมซนแบบไม่ถูกข่วน หรือ 15 จุดต้องเช็กรถก่อนเดินทางไกล มีไอเดียมากมายที่คุณสามารถนำเสนอได้ และคนเราก็ชอบอ่านข้อมูลที่สั้น กระชับ อ่านแล้วทำตามได้ทันที แต่เป็นคนละแบบกับบทความอันยาวยืดอย่างบทความนี้นะครับ เพราะบทความนี้เป็นลักษณะเชิงการศึกษาข้อมูล จึงต้องยาวพอสมควร

  • บริการเครื่องมือฟรีที่คนนิยมใช้ผ่านระบบออนไลน์อยู่ที่ว่าเว็บไซต์คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร หากมีเครื่องมือฟรีให้บริการ ก็มีโอกาสได้รับการ link หรือการแชร์บอกต่อกันไปได้ เช่น คุณขายเครื่องออกกำลังกาย หรือ ขายคอร์สทำอาหาร ก็มีบริการ เครื่องมือคำนวณแคลอรี่อาหาร เครื่องมือคำนวณค่า BMI หากคุณทำธุรกิจซื้อขายบ้านมือสอง ก็มี เครื่องมือคำนวณสินเชื่อ เครื่องมือคำนวณงบประมาณค่าก่อสร้าง มีเครื่องมือฟรีหลายชนิดที่คุณอาจหามาลงในเว็บได้ หรือหาเว็บที่ให้บริการนำเครื่องมือไปติดในเว็บไซต์ มีไอเดียอีกจำนวนมาก เช่น ดูดวง ตรวจสลาก ตรวจสอบเว็บไซต์ด้าน SEO หรือ SEO Tools เป็นต้น

  • เนื้อหาประเภทให้คำนิยามหรือความหมายของศัพท์เฉพาะโดยคนเรามักค้นหาสิ่งที่ไม่รู้ความหมายชัดเจน เช่น PDPA คือ, พรบ. หมายถึง, SEO คือ, ASTM คือ หรือคำไทยมักเขียนผิด คำนี้ราชบัณฑิตยสถานกำหนดให้สะกดอย่างไร เป็นต้น ในแวดวงธุรกิจของคุณมักมีคำเฉพาะและศัพท์ทางเทคนิคอยู่เสมอ เช่น วงการสถาปัตยกรรม วงการวิศวกรรม แพทย์ ทันตแพทย์ ศิลปะ วรรณกรรม ดนตรี อุตสาหกรรม การลงทุน กีฬา หากคุณนำข้อมูลความรู้เรื่องคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจของคุณมาอธิบายในเว็บไซต์ คนเราก็มักจะค้นมาเจอผ่าน Google และมีโอกาสแชร์หรือ link อ้างอิงมาถึงได้เสมอ อย่าละเลยหรือมองข้ามวิธีนี้ไป

  • นำเสนอผลการศึกษาและงานวิจัยยิ่งถ้าเป็นการศึกษาของคุณเองก็ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ หรือหากคุณอยู่ในแวดวงการศึกษาวิชาการ การนำเสนอเนื้อหาเชิงลึก พร้อมข้อมูลสำรวจและสถิติต่าง ๆ ก็มีโอกาสได้รับการอ้างอิงจากเว็บไซต์อื่น ๆ หรือคุณอาจจะนำข้อมูลดิบจากแหล่งอ้างอิงมาวิเคราะห์แตกประเด็น แล้วนำเสนอในมุมมองที่แตกต่างก็อยู่ที่ไอเดียสร้างสรรค์ เช่น นำผลสำรวจสถิติว่าระดับเงินออมของคนไทยประจำปี โดยนำข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยมาวิเคราะห์แล้วแยกเป็นสัดส่วน % ที่ชัดเจนขึ้น เข้าใจได้ง่ายขึ้นและทำภาพอินโฟกราฟิกประกอบ อย่าลืมอ้างอิงถึง link ไปถึงแหล่งข้อมูลด้วย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

  • หลังจากจ้างผู้ให้บริการ รับทำเว็บไซต์ และเริ่มใช้งานเว็บไซต์แล้ว ก็จำเป็นต้องเริ่มหา Backlink ถือเป็นหลักใหญ่ใจความของบทความนี้ เว็บไซต์จะมีคนรู้จัก ได้รับทราฟิกมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของ backlink ที่เชื่อมโยงมาหาเว็บไซต์ของคุณ, Google ใช้ backlink เป็นหนึ่งในค่าเมตริกสำคัญในการประเมินว่าเว็บไซต์ใดควรอยู่อันดับใดในผลการค้นหา
  • ทำเนื้อหาให้ดี มีคุณค่า คือเหตุผลหลักที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน ให้อ้างอิง แชร์ บอกต่อ link กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ เขียนเนื้อหาให้ข้อมูลเชิงลึก น่าสนใจ มีรูปภาพประกอบตามสมควร ความยาวควรจะมีอย่างน้อย 500 คำ หรือมากกว่านั้นในระดับ 1000 – 3000 คำ
  • ใช้วิธีที่ถูกต้อง ในที่นี้คือใช้หลักความเป็นธรรมชาติ หรือวิธีเชิงรับ ส่วนเชิงรุกก็สามารถทำได้ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อ link หรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อ link เพราะว่า Google วางหลักการข้อห้ามไว้
  • ไม่มีวิธีที่ได้ผลกับทุกกรณี แต่ละเว็บไซต์ แต่ละแวดวงธุรกิจ มีความยากง่ายแตกต่างกัน หลังจากทดลองทำหลายวิธี คุณจะได้พบกับวิธีที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ แต่วิธีเดียวกันนี้อาจจะไม่เหมาะกับอีกธุรกิจก็เป็นได้ เช่น บางธุรกิจเหมาะกับการหา link ผ่านการแชร์ทางอินสตาแกรม แต่บางธุรกิจคนนิยมพูดคุยแชร์กันผ่านเฟซบุ๊ก บางธุรกิจแชร์ผ่านทวิตเตอร์ หรือส่งอีเมลข่าวสาร
  • โฟกัสกับหน้าที่สำคัญก่อน ในการหา link ให้กับเว็บไซต์ นอกจากหน้าโฮมเพจแล้ว ก็ควรเน้นหน้าสำคัญที่คนมีแนวโน้มจะ link มาหา อาจจะเริ่มจากหน้าหลัก 1-2 หน้าก่อนเพื่อเป็นจุดขาย โดยทำเนื้อหาที่ให้ประโยชน์และดึงดูดความสนใจ จากนั้นค่อย ๆ สั่งสมเนื้อหาใหม่ไปเรื่อย ๆ เว็บไซต์ก็จะได้รับทราฟิกจำนวนผู้ชมและ backlink ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
  • สร้างแบรนด์และชื่อเสียงธุรกิจไปพร้อมกัน แม้การสร้าง link จะจำเป็น แต่อย่าลืมการพัฒนาสินค้าและบริการซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ พร้อมสร้างตัวตนแบรนด์ของคุณไปพร้อมกันด้วย เพราะหากอันดับเว็บไซต์ดี แต่สินค้าและบริการไม่น่าประทับใจ ก็จะเกิดความไม่สมดุลกัน เช่น เว็บไซต์คุณติดอันดับ 1-5 แต่เมื่อมีคนติดต่อมาแล้วสายไม่ว่าง บริการไม่ทันใจลูกค้า หรือสินค้าไม่โดนใจ ก็เท่ากับว่าเสียโอกาสและไม่คุ้มที่ติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา

เว็บไซต์คุณมี backlink แล้วหรือยัง ถ้าต้องการสร้าง backlink วันนี้ อะไรคืออย่างแรกที่คุณจะทำ?

แหล่งอ้างอิง

https://neilpatel.com/blog/how-to-build-backlinks/

https://ahrefs.com/blog/how-to-get-backlinks/

https://ahrefs.com/blog/link-building/


WinWebSEO Library

เรื่องอื่น ๆ น่าอ่าน 📚

Filter by category

พร้อมเริ่มเว็บไซต์ของคุณหรือยัง?

บริการออกแบบเว็บไซต์ที่เข้าใจคุณ

ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สินค้าออนไลน์ หรือบริษัทองค์กร เราช่วยให้คุณมีเว็บไซต์ที่โดดเด่น มีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์ทำเว็บไซต์ WordPress กว่า 15 ปี